Cover Story: Wi Ha Jun กับอาชีพการแสดงและการรับบทนำครั้งแรก
Author: Zaneta Cheng and Kantinan Srisan | Photographer: Courtesy of Brands
May 22, 2025
"...หลังจากก้าวขึ้นสู่ชื่อเสียงระดับสากลด้วยความสำเร็จของ Squid Game นักแสดงชาวเกาหลีใต้คนนี้ถือเป็นหนึ่งในผู้ที่ีมีพรสวรรค์ที่หาตัวจับได้ยากและเคารพต่อพื้นเพของเขาเสมอ เขาได้ร่วมพูดคุยกับ Zaneta Cheng เกี่ยวกับเรื่องของการเป็นนักแสดง เหตุผลที่เขาเลือกแสดงในเรื่องราวที่เป็นประเด็นสังคม และวิธีการที่เขารับมือกับการแสดงนำเป็นครั้งแรก..."
ครั้งแรกที่ฉันได้พบวี ฮา จุน คือที่กรุงโซลในเดือนเมษายน 2023 ในตอนนั้นพวกเราต้องเผชิญกับพายุที่งานแสดงแฟชั่นบนสะพานกลางแม่น้ำฮัน ในตอนนั้นซีรี่ย์ระทึกขวัญแนวดิสโทเปียของเกาหลีใต้อย่าง Squid Game ได้โด่งดังไปทั่วโลกแล้ว และนักข่าวต่างวิ่งเข้าไปหาเขาเพื่อขอสัมภาษณ์และขอคำพูดสั้นๆ ซึ่งความเป็นจริงแล้ว สถานการณ์นี้อาจนำไปสู่ความเป็นไปได้สองทาง เขาอาจเลือกปฏิเสธคำขอสัมภาษณ์ทั้งหมด หรือเลือกที่จะลุกขึ้นยืนและรับทุกคำขอจากนักข่าวอย่างมืออาชีพ แม้จะต้องเผชิญกับลมกรรโชกที่หนาวเย็นยิ่งขึ้นจากอากาศที่คาดไม่ถึง
ตั้งแต่นั้นมา นักแสดงชาวเกาหลีวัย 33 ปีผู้นี้ไม่เพียงแต่รักษากระแสความนิยมของตนเองได้อย่างที่พุ่งสูงขึ้นได้น่าทึ่ง แต่ยังได้รับบทสำคัญในฐานะ Jung Gi Cheul ฆาตกรและผู้นำแก๊งที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดใน The Worst of Evil และ Kwon Jun Taek นักเคลื่อนไหวใน The Gyeonseong Creature ซีรีส์ที่มีฉากหลังในช่วงญี่ปุ่นยึดครองเกาหลีซึ่งแสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของการทดลองทางชีวภาพแบบลับๆ และเมื่อเร็วๆ นี้ Wi Ha Jun ได้แสดงนำใน The Midnight Romance in Hagwon ซึ่งเป็นบทนำครั้งแรกของเขาในซีรีส์โทรทัศน์ แม้จะเป็นละครรักโรแมนติก แต่หากมองให้ลึกลงไปที่ผลงานของนักแสดงคนนี้จะพบว่าเขามีผลงานมากมายในแนวระทึกขวัญ ลึกลับ และสยองขวัญ
"ผมชอบหนังแอ็คชั่นและงานที่มีจิตสำนึกทางสังคมมาตั้งแต่เด็ก และผมรู้สึกว่ามันเหมาะกับผมเป็นอย่างมาก” Wi Ha Jun กล่าว "ผมเลือกที่จะมีส่วนร่วมในโปรเจคแบบนี้เพราะพวกมันมีคุณค่าทางศิลปะและส่งต่อข้อความที่มีความหมายให้กับผู้ชม"
สิ่งเหล่านี้แตกต่างจากความทะเยอทะยานในวัยเยาว์ของเขาที่อยากเป็นไอดอลสายป็อป ขณะเติบโตบนฟาร์มหอยเป๋าฮื้อของครอบครัวบนเกาะโซอันโดในจังหวัดชอลลาใต้ "ตอนที่ผมเด็กกว่านี้ ผมรักการแสดงเต้นบนเวที นั่นเป็นเหตุผลที่ผมฝันอยากเป็นไอดอล แต่ในปีที่สามของมัธยมปลาย ผมเข้าร่วมโรงเรียนสอนการแสดงเพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยในสาขาละครและภาพยนตร์ และสุดท้ายผมก็ตกหลุมรักการแสดง นั่นคือสิ่งที่นำพาผมมาถึงจุดนี้" Wi Ha Jun กล่าวกับเรา
นักแสดงคนนี้เริ่มเดบิวต์ในปี 2012 ผ่านภาพยนตร์สั้น แต่กว่าจะได้รับบทที่มีเนื้อหามากขึ้นเวลาก็ผ่านเลยไปหลายปี ไม่ว่าจะเป็น บทสมทบในซีรีส์โทรทัศน์ปี 2018 อย่าง Something in the Rain และ Romance Is a Bonus Book ในปี 2019 ซึ่งหลังจากนั้นเขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงใหม่ยอดเยี่ยมทางโทรทัศน์ในงาน Baeksang Arts Awards ครั้งที่ 55 ต่อมาอีกหนึ่งโปรเจกต์ทางโทรทัศน์ในปี 2020 ซึ่งเขารับบทเป็นนักเบสบอลที่มีชื่อเสียง และหลังจากนั้นก็มาถึง Squid Game ซึ่งผลักดันให้นักแสดงคนนี้ก้าวสู่ความดังระดับสูงสุดอย่างแท้จริง
"หลายสิ่งหลายอย่าง [เกี่ยวกับชื่อเสียงที่มาจาก Squid Game] ทำให้ผมประหลาดใจ ผมได้รับข้อเสนอมากมายเกินกว่าที่จะคาดคิดได้และมีคนจำผมได้ในต่างประเทศมากกว่าที่ผมคาดหวังไว้" Wi Ha Jun กล่าวกับเรา Squid Game เป็นโปรเจคแรกของเขาที่มีการพูดถึงปัญหาสังคมเช่นเรื่องของความไม่เท่าเทียมกัน และเมื่อถูกถามถึงประเด็นการเลือกผลงานที่มีเนื้อหาด้านประเด็นสำคัญต่างๆ ในโลกคือแนวทางที่เขาชื่นชอบหรือไม่ เขาบอกกับเราว่า "ใช่ แน่นอน นั่นคือเหตุผลที่ผมพอใจกับผลงานของตัวเองมาจนถึงตอนนี้ และผมหวังว่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจคที่มีความหมายเช่นนี้ต่อไปในอนาคตด้วย”
คำตอบของเขามีทั้งเรื่องราวที่มีสาระและเนื้อหาเข้มข้น เห็นได้ชัดว่าความจริงใจเป็นสิ่งที่หล่อหลอม Wi Ha Jun และวิธีที่เขามีปฏิบัติต่อสิ่งต่างๆ สิ่งนี้ขยายไปสู่วิธีที่เขาเลือกโปรเจคงานแสดงของเขาด้วยเช่นกัน "ผมให้ความสำคัญกับความจริงใจของเรื่องราวและความสามารถในการเข้าอกเข้าใจและความน่าสนใจของตัวละคร" Wi Ha Jun กล่าว
ความลึกซึ้งแบบเดียวกันนี้ถูกนำมาใช้กับวิธีการทำงานของเขาด้วยเช่นกัน แม้ว่าตอนที่เขาเรียนทั้งละครเวทีและภาพยนตร์ในช่วงที่อยู่ ณ มหาวิทยาลัย Sungkyul จะเป็นช่วงเวลาที่เขาไม่ได้ฝึกฝนทักษะการแสดงของเขามากนัก แต่เมื่อเป็นเรื่องของการแสดงบนจอโทรทัศน์แล้ว เขากล่าวว่า "ผมไม่เชื่อว่ามันมี 'คำตอบที่ถูกต้อง' เมื่อพูดถึงเรื่องของการแสดง สำหรับผม การแสดงคือการถ่ายทอดเรื่องราวของตัวละครอย่างซื่อสัตย์ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผมคิดว่าการแสดงคือการตอบสนอง ทุกคนมีวิธีการตอบสนองแตกต่างกันขึ้นอยู่กับบุคลิกของพวกเขา และวิธีการที่การตอบสนองเหล่านี้ถูกถ่ายทอดออกมานั้นสำคัญมาก เพราะการแสดงเป็นเรื่องของการแสดงอารมณ์และค้นหาวิธีการเล่าเรื่องของตัวละครอย่างซื่อสัตย์ มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายและทุกคนมีมาตรฐานที่แตกต่างกัน ดังนั้นผมจึงพยายามค่อยๆ เติบโตและเชื่อมต่อกับผู้ชมผ่านการแสดงที่มีประสบการณ์มากขึ้นตามที่ผมได้พบเจอมา”
สำหรับบทบาทการแสดงเป็น Hwang Jun Ho นักสืบตำรวจที่แฝงตัวเข้าไปใน Squid Game เพื่อตามหาพี่ชายที่หายไปซึ่งเขาเชื่อว่าเคยเป็นผู้เข้าร่วมในอดีต Wi Ha Jun จำเป็นต้องทำการฝึกฝนทั้งด้านร่างกายและการแสดงของเขาก่อนเริ่มโปรเจกต์ "เพื่อให้ออกมาเป็นภาพลักษณ์ที่ดิบ เย็นชา และแข็งแกร่ง ผมได้อาบแดด ออกกำลังกาย และปล่อยให้มีเคราบ้าง ผมให้ความสำคัญอย่างมากกับการถ่ายทอดตัวละครผ่านการแสดงด้วยดวงตาเพื่อแสดงความมุ่งมั่นของ Hwang Jun Ho แม้ในสถานการณ์สุดคับขัน” Wi Ha Jun เล่า เมื่อกลับมารับบทเดียวกันใน Squid Game 2 เขากล่าวว่า "เนื่องจากผมกำลังสานต่อเรื่องราวของ Hwang Jun Ho มันจึงไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แต่เนื่องจากเขาได้เห็นฉากที่น่าตกใจมากมายและเกือบเสียชีวิตในซีซั่นแรก ผมต้องเริ่มซีซั่นสองด้วยการแสดงให้เห็นว่าเขาอารมณ์พังทลาย โดดเดี่ยว และมีบาดแผลทางใจ ซึ่งเป็นส่วนที่เพิ่มเข้ามาใหม่"
แต่สิ่งใหม่ๆ ไม่ได้ทำให้ Wi Ha Jun หวั่นไหวหรือหลงระเริงแต่อย่างใด นักแสดงคนนี้ยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างหนัก เพื่อผลตอบแทนที่คุ้มค่า เมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา เขาได้รับบทใน The Midnight Romance in Hagwon ซีรีส์โทรทัศน์แนวโรแมนติกดราม่าที่วีรับบทเป็น Lee Jun Ho ครูสอนภาษาเกาหลีที่กลับมาที่โรงเรียนกวดวิชาที่เขาเคยเรียนในฐานะนักเรียนเพราะยังคงหลงรักครูสอนพิเศษของเขา ซึ่งเป็นการแสดงในฐานะของตัวละครหลักของเราในแนวทางที่เขาเองไม่ได้พบเจอมากนักแต่เขายังคงทุ่มเทอย่างเต็มที่ "มันไม่ได้แตกต่างจากการเตรียมตัวที่ผมทำสำหรับโปรเจคอื่นๆ มากนัก แต่แน่นอนว่ามีสิ่งที่ต้องจัดการมากขึ้น ฉากที่มากขึ้น ตัวละครที่ต้องประสานงานกันมากขึ้น ผมพูดคุยกับเพื่อนนักแสดงมากขึ้นและท่องบท ซ้อม และวิเคราะห์อยู่ตลอดเวลา ผมจำได้ว่าผมทุ่มเทให้กับโปรเจคนี้จนแทบไม่มีเวลาส่วนตัวเลย" เขากล่าว
"ในฐานะนักแสดงนำ ผมจำเป็นต้องเป็นคนนำเรื่องราวทั้งหมด และนั่นทำให้ผมมีความรู้สึกรับผิดชอบมากขึ้น ผมมองการผลิตทั้งหมดในรายละเอียดที่ซับซ้อนมากขึ้น ไม่ใช่แค่เฉพาะฉากของผม แต่ผมเข้าหาในทุกบทบาทด้วยความคิดว่ามันเป็น 'เรื่องราวของผม' มาตลอด โดยเฉพาะกรณีนี้ที่ผมรับบทเป็นตัวเอก"
ผลงานการแสดงของ Wi Ha Jun ทำให้เขาได้ทำงานร่วมกับคนที่ดีที่สุดในวงการ ตั้งแต่ดาราที่ฮอตที่สุดไปจนถึงบุคคลระดับตำนาน สิ่งที่เขามักจะนำติดตัวไปเสมอไม่ใช่เรื่องอื่นใด หากแต่คือความละเอียดอ่อนที่สังเกตอย่างรอบคอบว่าจะสร้างบรรยากาศในกองให้ดีได้อย่างไร "สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ผมเรียนรู้จากนักแสดงที่ยอดเยี่ยมคือวิธีวางตัวบนเซต" เขากล่าว "การแสดงนั้นสำคัญแน่นอน แต่สิ่งที่ทำให้เกิดความแตกต่างที่แท้จริงคือคุณกลมกลืนและเป็นผู้นำได้ดีแค่ไหนในขณะที่ต้องมองภาพรวมของเรื่องราวไปด้วยในเวลาเดียวกัน นั่นคือสิ่งที่ผมเรียนรู้และตั้งใจที่ทำและฝึกฝนต่อไป"
สำหรับเหตุผลที่นักแสดงคนนี้ตัดสินใจรับงานที่แตกต่างจากซีรีส์ระทึกขวัญที่ประสบความสำเร็จซึ่งเขาสร้างชื่อเสียงมาตั้งแต่ Squid Game เขาอธิบายว่า "ตัวละครนี้ไม่ใช่ตัวละครในจินตนาการที่ทุกคนฝันถึง แต่เป็นตัวละครที่มีความเป็นมนุษย์และสมจริงมาก ผมถูกดึงดูดด้วยวิธีที่เขาเติบโตในฐานะครูและในฐานะผู้ชายที่ผ่านและพบเจอกับความรัก ข้อความของเรื่องราวนี้สะท้อนถึงตัวตนของผม" แต่แนวที่แตกต่างกันเช่นนี้ย่อมต้องการวิธีการเตรียมตัวที่แตกต่างกัน ไม่มีฉากต่อสู้ให้ฝึกฝนในซีรีส์ยกเว้นการทะเลาะกันระหว่างคู่รัก "ผมไม่ได้เคยแสดงบทแบบนี้มากนัก ดังนั้นผมยังหาไม่เจอสำหรับวิธีที่แน่นอนในการเข้าถึงตัวละคร" Wi Ha Jun ยอมรับ "แต่ผมเป็นคนที่ทุ่มเทสุดหัวใจเสมอเมื่อผมมีความสัมพันธ์กับใคร ดังนั้นผมคิดว่าผมอาจดึงประสบการณ์เหล่านั้นมาใช้ในการแสดงได้บ้าง”
สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือสำหรับความสำเร็จอันน่าทึ่งและความน่าเชื่อถืออย่างจริงจังในผลงานของเขานับแต่ปี 2019 Wi Ha Jun ได้เริ่มต้นอาชีพนักแสดงของเขาในปี 2012 "ทุกช่วงเวลาล้วนเป็นความท้าทาย มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาชนะพวกมัน แต่ผมโชคดีที่มีคนดีๆ อยู่รอบตัว การสนับสนุน การให้กำลังใจ และคำพูดที่อ่อนโยนของพวกเขาช่วยให้ผมผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากและเติบโตขึ้น" เขากล่าว
เมื่อย้อนกลับไปมองตัวเขาในวัยหนุ่ม เขาเล่าว่า "ผมเคยขาดความมั่นใจและเคยโหดร้ายกับตัวเองเกินไปอยู่บ้าง และเมื่อผมนึกย้อนกลับไปยังช่วงเวลาเหล่านั้นก็อดสงสารตัวเองไม่ได้ ผมคิดว่าถ้าผมจะพูดอะไรกับตัวเองในตอนนั้น มันคงเป็นเรื่องของการเชื่อในตัวเองและรักตัวเอง ทั้งหมดคือเท่านั้นเลย เพราะถ้าผมเชื่อในตัวเองและมีความรักให้ตัวเองสักหน่อย ผมคิดว่าผมอาจจะเติบโตและพบความสุขได้เร็วกว่านี้"
เมื่อถูกถามถึง #legend ของเขา เขาตอบได้อย่างมั่นใจที่สุดว่าคือพ่อแม่ของเขา "เมื่อรู้ว่าพวกเขาผ่านอะไรมาในชีวิต ผมชื่นชมและเคารพพวกเขาอย่างแท้จริง พวกเขาคือแรงผลักดันของผมและเป็นตำนานที่มีชีวิตในชีวิตของผม" Wi Ha Jun กล่าว บางทีอาจเป็นเพราะการตอบสนองของเขามักจะลึกซึ้งและผ่านการคิดพิจารณามาแล้วเสมอๆ บางทีอาจเป็นเพราะว่าเขาจะไม่ยอมให้ชื่อเสียงมาขัดขวางความมุ่งมั่นของเขาในการเป็นคนดีและจริงใจกับคำพูดของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์สำหรับปกนิตยสารหรือภายใต้สภาพอากาศที่ย่ำแย่หรือเหตุผลอื่นใดก็ตาม คำตอบที่ได้รับจากเขาก็ส่งให้รู้สึกถึงความจริงใจไม่แตกต่างกัน
CREDITS
Creative Concept & Production / #legend
Creative Direction / Gordon Lam
Photography / The Buffacow
Styling / Lee Hye Young and Jacky Tam
Hair / Park lha
Make-Up/ Lee Bo Ryeon
Gaffer / Kai Sing
Photography Assistants / Mike Lam, Kevin Cheung
Production / Danny Kang from Thiziscompany
Production Assistant / Grace
อ่านบทความเพิ่มเติม: Cover Story: มินนี่และการเดินทางของเธอในฐานะของศิลปินเดี่ยว