6 เรื่องที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับ F1 The Movie

F1 The Movie ภาพยนตร์แอ็คชันฟอร์มยักษ์ โปรเจคร่วมของแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง F1 และ Apple ร่วมกับเหล่าคนดังของวงการภาพยนตร์ และมอเตอร์สปอร์ตเรื่องนี้ นอกจากความสนุกสุดมันที่ให้เราดื่มด่ำกันอย่างเต็มที่ มีเรื่องราวอะไรซุกซ่อนไว้อีกบ้าง มาร่วมค้นหาคำตอบไปพร้อมๆ กัน

หลังออกฉายไปได้ไม่นาน F1 The Movie ก็ขึ้นแท่นภาพยนตร์เปิดตัวที่ทำรายได้สูงสุดของ Apple และกลายเป็นภาพยนตร์ยืนหนึ่งในใจของแฟนมอเตอร์สปอร์ตไปแทบจะทันที ในระหว่างที่ความประทับใจยังอบอวลอยู่ #legend มี 6 เรื่องที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง

Photo credit: Julian Chokkattu via Wired

Apple ทุ่มทุนพัฒนากล้องพิเศษสำหรับถ่ายทำโดยเฉพาะ

นอกจาก Apple จะเป็นผู้ร่วมอำนวยการสร้าง และผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว ยังมีส่วนในการพัฒนากล้องพิเศษสำหรับการถ่ายทำโดยเฉพาะอีกด้วย โดยกล้องพิเศษนี้นำชิ้นส่วนกล้องจาก iPhone15 ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล และส่วนชิปประมวลผล A17 Pro มาทำงานร่วมกับระบบ iOS เวอร์ชั่นพิเศษที่ควบคุมผ่าน iPad ด้วยสาย USB-C เพื่อใช้บันทึกภาพความเร็วสูงในมุมมองนักแข่งแบบสมจริง โดยติดไว้บริเวณข้าง cockpit ของตัวถังรถ Formula 1 ทำให้ภาพที่ได้สวยสมจริง ตอบโจทย์การถ่ายภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ระดับฮอลลีวู้ด

มีนักแข่ง F1 ตัวจริงเสียงจริงปรากฏตัวในภาพยนตร์ด้วย

เป็นอีกหนึ่ง Easter Egg ที่สร้างความประทับใจให้กับแฟนๆ มากเลยทีเดียวที่ได้เห็นนักแข่ง F1 ตัวจริงปรากฎตัวในฉากต่างๆ ของเรื่องด้วย อาทิ จอร์จ รัสเซลล์ (George Russell), แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน (Max Verstappen), ชาร์ลส์ เลอแคลร์ (Charles Leclerc) และ ลูอิส แฮมิลตัน (Lewis Hamilton) ที่พิเศษยิ่งไปกว่านั้นคือ ลูอิส นอกจากจะมาเป็นนักแสดงรับเชิญแล้ว ยังเป็นโปรดิวเซอร์ และที่ปรึกษาทั้งในด้านการถ่ายทำ การออกแบบรถยนต์ การถ่ายทอดประสบการณ์จริงในฐานะนักแข่ง Formula 1 รวมไปถึงการแชร์ไอเดียต่างๆ จนทีมงานทุกคนยกให้เขาเป็น ‘หัวใจ’ ของภาพยนตร์เรื่องนี้เลยทีเดียว

สนามที่ใช้ถ่ายทำ F1 the movie เป็นสนามจริง

ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมฉากการแข่งขันรถในภาพยนตร์เรื่องนี้จึงสมจริงนัก เพราะทีมงานยกกองถ่ายไปยังสนามแข่งจริงนั่นเอง โดยสนามหลักที่ทีมงานใช้ คือ สนามแข่งรถ Hungaroring ในประเทศฮังการี สนามนี้เปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อปี 1986 เป็นสนามแข่งขัน Formula 1 แห่งแรกในยุโรปตะวันออก ด้วยเอกลักษณ์ที่มีความคดเคี้ยว และแคบ การแข่งขันจึงเน้นฝีมือการขับขี่มากกว่าวัดกันที่ความแรงของเครื่องยนต์ นอกจากนี้การออกแบบตัวสนามที่เป็นแบบแอ่ง อัฒจันทร์สูง ยังเอื้ออำนวยให้การถ่ายทำสะดวก และราบรื่นขึ้นได้อีกด้วย

Photo credit: formula1.com

มีอัลบั้มเพลงเป็นของตัวเอง

นอกจากภาพยนตร์จะไปสุดทั้งเรื่องเนื้อหา ฉากแอ็คชั่น รวมไปถึงกราฟฟิกน่าตื่นตาตื่นใจแล้ว เพลงประกอบภาพยนตร์ เขาก็ทำเต็มที่ด้วยเช่นกัน โดยทาง Atlantic Records เปิดตัว Tracklist ของภาพยนตร์เรื่องนี้ในชื่อ F1 The Album ที่รวมเอาบทเพลงจากศิลปินชื่อดังระดับโลกเอาไว้มากมาย อาทิ ROSE, Ed Sheeran, Don Toliver, Dom Dolla, Tate McRae, Burna Boy, Roddy Ricch และ RAYE เป็นต้น ใครที่ติดใจเพลงประกอบภาพยนตร์เพราะๆ ของเรื่องนี้ ตามไปฟังได้ทาง Spotify และ Apple Music

ถ่ายหนังช่วงแข่งเพื่อความสมจริง

จะมีอะไรสมจริงไปกว่าการถ่ายทำภาพยนตร์ F1 ในช่วงการแข่งขันจริงได้อีก ผู้กำกับ Kosinski เล่าว่าเขาและทีมงานอยากให้ภาพออกมาสมจริงมากที่สุด จึงตัดสินใจถ่ายทำภาพยนตร์บางส่วนระหว่างการแข่งขัน Grand Prix จริงที่เกิดขึ้นตลอดฤดูกาล 2023-2024 พวกเขาเดินทางไปทั้งหมด 14 สนาม อาทิ Silverstone, Spa, Monza, Zandvoort, Suzuka, Mexico City, Las Vegas และ Abu Dhabi ถึงแม้ขั้นตอนจะดูยุ่งยาก และมีเวลาถ่ายทำจำกัดแค่ไม่กี่นาที แต่พวกเขาก็ภูมิใจกับฟุตเทจที่ได้ เพราะมันทำให้ภาพรวมออกมาตรงตามที่พวกเขาคิดไว้แทบทุกอย่าง

สร้างรถแข่งเพื่อการถ่ายทำโดยเฉพาะ

นอกจากจะไปถ่ายทำที่สนามจริงแล้ว รถแข่งทั้ง 6 คันที่ใช้ถ่ายก็เป็นรถแข่งจริงเช่นกัน แต่มีการปรับดีไซน์เล็กน้อยเพื่อให้ง่ายต่อการถ่ายทำมากยิ่งขึ้น โดยรถแข่งแบบ Custom-built นี้ได้รับความร่วมมือจาก Mercedes และ Carlin Motorsport เป็นรถ APXGP โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานจาก Formula 2 ปรับแต่งทั้งฐานล้อ ตัวถัง ซุ้มล้อ รวมไปถึงพื้นรถโดยทีมวิศวกรของ Mercedes เพื่อให้ได้รถที่สามารถขับได้เหมือนรถแข่งจริง แต่ก็ยังมีความปลอดภัยสูงทั้งต่อตัวสตั๊นท์ และนักแสดงเอง

จะเห็นได้ว่าภาพยนตร์ F1 The Movie เรื่องนี้ ทีมงานทุกคนทุ่มเททั้งแรงกาย และแรงใจในการผลิตออกมา ในทุกฉาก ทุกขั้นตอน รวมไปถึงทุกรายละเอียดล้วนมีเรื่องเล่าที่ทำให้เรายิ่งประทับใจในภาพยนตร์แอ็คชั่นฟอร์มยักษ์เรื่องนี้มากขึ้นไปอีก ใครที่ยังไม่ดู สามารถจองตั๋วไปชมกันได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ

ที่มา: MacRumors และ Wired