นวัตกรรมแห่งเวลาพร้อมดีไซน์สุดวิจิตรเปิดตัวครั้งแรกในงาน LVMH Watch Week 2025

"...นับเป็นครั้งที่หกแล้วสำหรับการจัดงาน LVMH Watch Week ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นที่เมือง นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และกรุงปารีส นำเสนอเรือนเวลารุ่นใหม่จาก Bvlgari, Hublot, TAG Heuer, Zenith, Daniel Roth, Gérald Genta ร่วมด้วยอีกสามแบรนด์ที่เข้าร่วมเป็นครั้งแรกอย่าง Louis Vuitton, Tiffany & Co. และ L’Epée 1839 เราได้รวมเรือนเวลาชิ้นเด่นจากห้าแบรนด์ดังในเครือ LVMH ให้ได้อัพเดตไปพร้อมกัน..."

 Bvlgari

บุลการีเฉลิมฉลองปี 2025 ปีนักษัตรมะเส็ง ด้วยการเผยโฉมนาฬิกาที่นับได้ว่าเป็นวิวัฒนาการครั้งสำคัญในคอลเลคชั่น Serpenti โดยเปิดตัวกลไกอัตโนมัติ Lady Solotempo BVS100 ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างพิถีพิถันในเวิร์กช้อปของแบรนด์ กลไกอันซับซ้อนและสง่างามนี้ใช้เวลากว่าสามปีในการพัฒนา โดยออกแบบมาเป็นพิเศษให้ผสานเข้ากับรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ของ Serpenti ได้อย่างลงตัว พร้อมคุณสมบัติความเที่ยงตรงอันเป็นเลิศและสำรองพลังงานได้นานถึง 50 ชั่วโมง

นำเสนองานฝีมืออันประณีตนี้ผ่านจานเหวี่ยงที่แกะสลักเป็นลวดลายเกล็ดงู สัญลักษณ์แห่งการเกิดใหม่อย่างไม่รู้จบ กลไกสุดล้ำนี้ได้เสริมเสน่ห์ให้กับคอลเลคชั่น Serpenti Seduttori และ Tubogas ยกระดับ Serpenti ให้เหนือกว่าการเป็นแค่เครื่องประดับบอกเวลา สู่การเป็นเรือนเวลาชั้นเลิศที่ผสานศิลปะแห่งเครื่องประดับและศาสตร์แห่งเวลาชั้นสูงเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

 Louis Vuitton 

Louis Vuitton Tambour Convergence นาฬิกาที่สะท้อนความเชี่ยวชาญด้านศิลป์แห่งเรือนเวลาของเมซง ผลิตขึ้นภายในโรงงานของ Louis Vuitton ในเจนีวา มาพร้อมกับการแสดงเวลาที่ไม่เหมือนใครผ่านช่อง “guichet” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติและการตกแต่งภายในบ้านของครอบครัววิตตองใน Asnières นำเสนอในสองตัวเรือนคือโรสโกลด์และแพลตินัม ในรุ่นแพลตินัมโดดเด่นด้วยการประดับเพชร 795 เม็ดที่ด้วยเทคนิค “snow-setting”​ ส่วนในรุ่นโรสโกลด์นำเสนอตัวเรือนแบบเรียบ เรือนเวลาขับเคลื่อนด้วยกลไกใหม่ล่าสุดที่ผลิตแบบอินเฮ้าส์ “Calibre LFT MA01.01” มาพร้อมพลังงานสำรอง 45 ชั่วโมง ทำงานด้วยความถี่ 4Hz พร้อมงานตกแต่งอันพิถีพิถัน

Tambour Taiko Spin Time นับเป็นวิวัฒนาการของกลไกบอกเวลา 3D Jumping Hour เอกสิทธิ์เฉพาะของ Louis Vuitton ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี  2009 ในคอลเลคชั่นใหม่นี้ประกอบด้วยนาฬิกา 6 รุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น ด้วยตัวเรือนขนาด 39.5 มม. และ 42.5 มม. รังสรรค์ด้วยไวท์โกลด์มาพร้อมหน้าปัดสี Dolphin Grey และลูกบาศก์ทรงหมอนที่ผ่านการขัดแต่งอย่างประณีตเพื่อเพิ่มมิติของแสงสะท้อนทำหน้าที่บอกเวลาแทนเข็มนาฬิกาแบบเดิม  ได้รับแรงบันดาลใจจากกลองไทโกะของญี่ปุ่น ตัวเรือน Tambour Taiko ได้รับการออกแบบใหม่ให้มี Integrated Lugs พร้อมพื้นผิวที่ผสมผสานระหว่างการขัดเงาและขัดซาติน ขับเคลื่อนด้วยกลไก Spin Time รุ่นใหม่ที่พัฒนาและผลิตขึ้นภายในโรงงานของ Louis Vuitton มาพร้อมการไขลานอัตโนมัติ Automatic Winding มาพร้อมคุณสมบัติสำรองพลังงาน 45 ชั่วโมง ทำงานด้วยความถี่ 4Hz กลไกแต่ละชุดมีโรเตอร์ทองคำแท้ตกแต่งด้วยลวดลาย LV Motif มาพร้อมระบบ Maltese Cross Gear ที่ได้รับการจดสิทธิบัตร ช่วยให้ปรับตั้งเวลาไปข้างหน้าและย้อนกลับได้โดยไม่ทำให้กลไกเสียหาย

 Hublot

Hublot นำเสนอนวัตกรรมแห่งเวลาผ่านงานดีไซน์ใหม่ทั้งหมด 3 รุ่น ทุกเรือนน่าจับตามองด้วยการก้าวข้ามขีดจำกัดในการสร้างสรรค์นาฬิกายุคใหม่ สำหรับเรือนแรก Big Bang MECA-10 กลับมาอีกครั้งหลังจากห่างหายไปเกือบสิบปี มาพร้อมตัวเรือนขนาด 42 มม. ในสามวัสดุคือ King Gold, Titanium และ Frosted Carbon โดยยังคงการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการเคลื่อนไหวของกลไก Meccano พร้อมแผ่นฐานรูปทรงวงแหวน มาพร้อมคุณสมบัติสำรองพลังงานยาวนาน 10 วัน และบาลานซ์วีลที่มองเห็นผ่านหน้าปัดเปลือย พร้อมระบบปรับเวลาแบบ hacking seconds เพื่อความแม่นยำ

Big Bang Tourbillon Automatic Green SAXEM รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นจำนวน 18 เรือน โดดเด่นในตัวเรือน SAXEM สีเขียวมรกตสวยสะดุดตา สร้างสรรค์ด้วยวัสดุที่ผสมผสานระหว่างแซปไฟร์และ Aluminium oxide ธาตุหายากเพื่อเพิ่มความสวยงาม จุดเด่นของเรือนนี้คือการขับเคลื่อนด้วยกลไก MHUB6035 tourbillon อัตโนมัติ พร้อมกับสำรองพลังงาน 72 ชั่วโมงและจานหมุนไมโครโรเตอร์ทองคำ 22 กะรัตที่มองเห็นผ่านกระจกคริสตัลแซปไฟร์

ปิดท้ายด้วย Spirit of Big Bang Year of the Snake รุ่นลิมิเตดเอดิชั่นจำนวน 88 เรือน พร้อมดีไซน์ที่โดดเด่นด้วยงูสีทองเลื้อยประดับรอบกรอบหน้าปัดโครโนกราฟ พร้อมขอบตัวเรือนที่แกะสลักลายเกล็ดงู และสายยางยางดำที่มีพื้นผิวเหมือนกำมะหยี่เรื่อยไปจนถึงตัวเรือนที่ออกแบบอย่างประณีต ขับเคลื่อนด้วยกลไก calibre HUB4700 automatic skeleton chronograph ที่ผสมผสานงานฝีมือเข้ากับนวัตกรรมแห่งเวลา

Zenith 

Zenith ผสานศิลปะแห่งการผลิตนาฬิกาชั้นสูงเข้ากับคุณสมบัติของนาฬิกาสปอร์ตได้อย่างลงตัว ผ่านสองเรือนเวลาล่าสุด  Chronomaster Sport Rainbow นาฬิกาโครโนกราฟตัวเรือนรังสรรค์จากไวท์โกลด์ ขอบตัวเรือนประดับเพชรทรงบาแกตต์ 10 เม็ด และแซฟไฟร์บาแกตต์ 40 เม็ด ไล่เฉดสีสันสดใสราวกับสายรุ้ง พร้อมหลักชั่วโมงที่ทำจากแซปไฟร์เสริมความโดดเด่นบนหน้าปัดได้อย่างมีระดับ ภายใต้รูปลักษณ์อันงดงามซ่อนกลไกอัตโนมัติ El Primero 3600 ที่ทำงานด้วยความถี่สูง 5Hz ช่วยให้เข็มวินาทีของโครโนกราฟหมุนครบหนึ่งรอบภายใน 10 วินาที ตัวเรือนจับคู่กับสายไวท์โกลด์แบบสามข้อพร้อมตัวล็อกแบบพับสองชั้น ให้ความหรูหราและสวมใส่สบายในเวลาเดียวกัน

สำหรับเรือนเวลารุ่น Defy Skyline Chronograph ได้ก้าวสู่มิติใหม่ด้วยหน้าปัดแบบสเกเลตันที่สะท้อนเอกลักษณ์แห่งดีไซน์ยุคใหม่ โครงสร้างหน้าปัดเผยให้เห็นการตัดแต่งรูปทรงเรขาคณิตที่ได้รับแรงบันดาลใจจากโลโก้ “Double Z” อันเป็นเอกลักษณ์ของ Zenith จากทศวรรษที่ 1960 เสริมความสง่างามด้วยหน้าปัดย่อย grey azuré  แบบโอเพนเวิร์กที่สร้างมิติให้กับตัวเรือน งานออกแบบสวยล้ำผสานกับความแม่นยำระดับตำนานของ Zenith ทำให้ Defy Skyline Chronograph เป็นนาฬิกาที่สะท้อนตัวตนของนักสะสมยุคใหม่ได้อย่างไร้ที่ติ

อ่านบทความเพิ่มเติม: Blue Book 2025: Sea of Wonder: ไฮจิวเวลรี่จากแรงบันดาลใจใต้ท้องทะเลของ Tiffany & Co.